จากประสบการ์ตามถ่ายรูปทางช้างเผือกตรงส่วนตัวแล้ว ต้องบอกเลยครับว่าการจะถ่ายภาพทางช้างเผือกด้วยกล้องที่เรามี เช่น กล้องมือถือ กล้องDSLR ขาตั้งกล้อง มันช่างยากเหลือเกิน แต่ในเมื่อใจรัก เราก็สามารถสังเกตุและศึกษาดวงดาวได้ทุกคืน
การจะถ่ายภาพทางช้างเผือกหลักๆนั้นต้องรู้
1. ต้องรู้ว่าดวงจันทร์ขึ้นตอนไหน ดวงจันทร์นั้นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนักกล่าทางช้างเผือก เพราะแสงของดวงจันทร์จะกลบแสงจากทางช้างเผือกจนไม่สามารถถ่ายรูปออกมาได้
2. ต้องรู้สภาพอากาศ ต้องรู้ล่วงหน้าว่าจะมีฝนตกหรือไม่ มีเมฒมากหรือไม่ ตำแหน่งนั้นมีมลพิษในอากาศมากน้อยเพียงไหน เพราะสิ่งเหล้านี้จะทำให้เกิดปัญหาในการถ่ายภาพทางช้างเผือก
3. รอบๆจุดบริเวณที่เราจะถ่ายภาพทางช้างเผือกมีแสงจากบ้าน หรือถนนบ้างหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นอุปสรรค์สำคัญในการที่จะไม่ให้เราเห็นทางช้างเผือกครับ
4. ต้องรู้ตำแหน่งดาวพฤหัส กับดาวเสาร์ เพราะเกลียวใจกลางทางช้างเผือกจะอยู่ใกล้ๆกับดาวพฤหัสและดาวเสาร์ในปี 2564 โดยดาวพฤหัสจะขึ้นพ้นขอบฟ้าในเดือนพฤษภาคม 2564 นี้ ขึ้นในเวลาประมาณ 02.00 น. เป็นต้นไป และจะเลื่นเวลาขึ้นมาเรื่อยๆในอีกเดือนต่อไป เช่น ในเดือนมิถุนายนปี้นี้ ดาวพฤหัสจะขึ้นช่วง 12.00 น. เป็นต้น
5. ความรู้เรื่องอุปกรณ์ถ่ายภาพของคุณ เมื่อคุณทราบ 4 ข้อด้านบนทั้งหมดแล้วก็เหลือแต่วิธีถ่ายภาพออกมาให้คมชัดได้อย่างไร บางคนใช้มือถือถ่าย บางคนใช้ กล้องDSLR ถ่าย ก็แล้วแต่ว่าอุปกรณ์นั้นทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่คุณจะต้องมีก็คือขาตั้งกล้องครับ
อุปกรณ์ที่ควรมี
1. กล้อง DSLR ที่สามารถปรับรูรับแสงได้ดี ซึ่งก็น่าจะมีอยู่แล้วทุกยี่ห้อครับ
2. ขาตั้งกล้อง จะเป็นแบบหัววบอล หรือ 2Way ก็ได้ครับ (สำหรับผมหัวบอลครับ)
ไม่ต้องมี กล้องดูดาว มีอุปกรณ์แค่ 2 ชิ้นนี้ ถ่ายได้เลย
ซึ่งผมโชคดีที่บ้านอยู่นอกเมือง และรู้ตำแหน่งดาวอยู่บ้างจึงทำให้รู้ว่าช่วงเดือน 5 ถึงเดือน 11 ทางช้างเผือกนั้นจะตีคู่มากับดาวพฤหัส จึงทำให้เห็นฝ้าของดาวได้อย่างชัดเจนตามภาพครับ

เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนนี้ เดือนพฤษภาคม ปี2564 สภาพอากาศก็จะมีฝนตกและเมฒมาก แต่บางครั้งก็มีจังหวะดีที่ท้องฟ้าใสนะครับ บทความนี้จะมาชวนดูดาว ทางช้างเผือกแบบเริ่มต้นตั้งแต่กลางปีกันครับ
และภาพนี้คือภาพอัพเดททางช้างเผือกในวันที่ 01/06/2564
เวลา 23.50 น. ถ่ายโดยใช้กล้อง DSLR Fujixa2 ใช้ขาตั้งกล้องแบบหัวบอล A218 ครับ

และภาพนี้คือภาพอัพเดททางช้างเผือกในวันที่ 11/07/2564 หลังบ้านผมเอง

อยากลองซูมดูทางช้างเผือก ก็เอากล้อง DSLR ติดกับกล้องส่องทางไกลตาเดียวพร้อมกับขาตั้งกล้อง A218 ดังภาพด้านล่าง เพื่อที่เราจะลองซูมเข้าไปดูในใจกลางทางช้างเผือก

เมื่อต่อเข้ากับกล้องส่องทางไกลดังภาพแล้วก็จะพร้อมถ่ายทางช้างเผือก (กล้องส่องทางไกลในภาพ เป็นกล้องดูดาว และกล้องดูนกได้ในตัว ชื่อรุ่น CELESTRON C90)
การจะให้เห็นใจกลางทางช้างเผือกอย่างชัดเจนคงต้องใช้ขาตั้งกล้องที่มีมอเตอร์ตามดาวได้ และต้องอาศัยความรู้ตำแหน่งดาวด้วย เพื่อเราจะได้ตามดาวได้ถูกดวงในวงทางช้างเผือก ซึ่งภาพต่อไปนี้ทางผมเองก็ยังถือว่ายังทำได้ไม่ดีพอ แล้วหลังจากถ่ายได้ เมฒหมอกก็เข้ามาบัง ทำให้อดถ่ายไปเลย

เดือน 7 ปี 2564 ถือว่าเป็นช่วงที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว นักถ่ายภาพดาว และนักท่องเที่ยว เตรียมพร้อมเก็บภาพที่สวยงามในหน้าฝน แต่ที่น่าถ่ายที่สุดก็คือรูปทางช้างเผือก โดยในเดือน 7 ตั้งแต่ช่วง 20.00น. ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้พวกเราจะสามารถสังเกตแนวใจกลางทางช้างเผือกได้ บริเวณกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งในกลุ่มดาวทางช้างเผือกในช่วงนี้หลัง 22.00น.เราจะเห็นในลักษณะทางช้างเผือกโค้งเอียงพาดยาวไปบนท้องฟ้าจรดทิศเหนือเลยทีเดียว

ความพิเศษที่ได้เห็นทางช้างเผือกในช่วงนี้คือ เราจะสามารถสังเกตเห็นแนวใจกลางทางช้างเผือกได้ตั้งแต่ 23.00 น ลักษณะการดูดาวแบบนี้จะทำให้ต้องอดหลับอดนอนแบกกล้องกันตอนดึกๆ และจากสถิติข้อมูลการพยากรอากาศ ในเดือน 7 ของทุกปีประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงฤดูปลายร้อนต้นฝน ทัศนวิสัยของท้องฟ้ามักมีเมฒปกคลุม แต่จะใสมากในช่วงที่ฝนตกเสร็จแล้ว เหมาะแก่การสังเกตกลุ่มดาวต่างๆ ซึ่งเราจะมาแชร์ไอเดียในการถ่ายภาพทางช้างเผือกช่วงนี้ สามารถถ่ายได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบทางช้างเผือกแบบตั้งฉาก ทางช้างเผือกกับแสงจักรราศี หรือทางช้างเผือกแบบพาโนรามา แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับทางช้างเผือกกันหน่อย
“ทางช้างเผือก” เป็นวัตถุบนท้องฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อมองจากผิวโลก อาจสังเกตได้ด้วยตาเปล่า มีลักษณะเป็นแถบดาวสว่างพาดเป็นแนวยาวกลางท้องฟ้า ตั้งแต่ทิศเหนือถึงทิศใต้ ซึ่งทางช้างเผือกนั้นสามารถสังเกตเห็นได้ตลอดทั้งปีเลย แต่บริเวณที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุด ก็คือบริเวณใจกลางทางช้างเผือก ซึ่งอยู่ตรงบริเวณกลุ่มดาวแมงป่องและคนยิงธนู ซึ่งใจกลางทางช้างเผือก จะประกอบด้วยวัตถุท้องฟ้ามากมาย เช่น ดาวฤกษ์ กระจุกดาวต่างๆ เนบิวลารูปแบบต่างๆ เป็นต้น
และถึงแม้ว่าในเดือน 5-7 ใจกลางทางช้างเผือกจะปรากฏให้เห็นเพียงช่วงกลางคืน ในเวลา 3-5 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นโอกาศดีที่เราจะสามารถเรียนรู้และฝึกการสังเกตแนวใจกลางทางช้างเผือกกันได้ดีเลยทีเดียว
ภาพจำลองแสดงตำแหน่งแนวใจกลางทางช้างเผือกในช่วงเดือน 7 ตั้งแต่ต้นเดือน โดยสามารถเริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
เทคนิคการถ่ายภาพทางช้างเผือกเบื้องต้น
1. ต้องตรวจสอบ วัน / เวลา / ตำแหน่ง : การตรวจสอบเวลาการขึ้นตกของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เป็นสิ่งแรก และสิ่งสำคัญในการวางแผนการถ่ายภาพ เพื่อดูว่าวันไหนบ้างที่เราจะสามารถถ่ายภาพได้ โดยที่ไม่มีแสงดวงจันทร์รบกวน (ดูได้เฉพาะคืนที่พระจันทร์ไม่ขึ้นในเวลากลางคืน)
2. เลือกสถานที่ : การสถานที่ถ่ายภาพทางช้างเผือกนั้นต้องมีความมืดสนิทไม่มีแสงรบกวนหรือมลภาวะทางแสง และสามารถจะสังเกตเห็นแนวทางช้างเผือกได้ชัดเจนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ภายใต้สภาพท้องฟ้าที่ใสเคลียร์สว่าง
3. อุปกรณ์ : กล้อง เลนส์มุมกว้าง ขาตั้งกล้อง ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการใช้ในการถ่ายภาพทางช้างเผือก โดยกล้องถ่ายภาพที่ใช้ควรจะสามารถปรับค่า ความไวแสง (ISO) ได้สูงๆ รวมทั้งเลนส์มุมกว้างแบบไวแสง (รูรับแสงกว้างๆ) ก็จะช่วยให้เราได้ภาพทางช้างเผือกที่สว่างชัดเจนมากขึ้น
4. ปรับโฟกัสให้คมชัดที่สุดด้วยดาวสว่าง (ปิดระบบออโต้โฟกัส) เช่น ช่วงนี้สามารถใช้ดาวเสาร์ ซึ่งอยู่ตรงใจกลางทางช้างเผือกพอดี ในการช่วยปรับโฟกัสได้
5. เริ่มต้นถ่ายภาพด้วยความไวแสง (ISO) ที่สูงที่สุด และรูรับแสงที่กว้างที่สุด ด้วยเวลาการเปิดหน้ากล้องไม่นานมากนัก หลังจากที่ถ่ายติดภาพทางช้างเผือกแล้ว จึงค่อยปรับองค์ประกอบภาพ และลดค่าความไวแสงลงมาพร้อมทั้งใช้การคำนวณเวลาการถ่ายภาพจากสูตร Rule of 400/600
6. เปิดระบบ Long Exposure Noise Reduction เพื่อลดสัญญาณรบกวน พร้อมกับการถ่ายภาพด้วย RAW file เพื่อสามารถนำมาปรับในภายหลัง
ช่วงนี้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นการถ่ายภาพทางช้างเผือกของปีนี้กันแล้ว ส่วนในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้เราก็ยังมีอีกหลายกิจกรรมในการถ่ายภาพดวงดาวบนท้องฟ้าอีกมากมาย ส่วนจะเป็นอะไรบ้างนั้นต้องติดตามกันต่อในบทความต่อไปครับ
https://www.sportcamera-thailand.com