สำหรับผู้ที่กำลังมองหากล้องอินฟาเรดไปใช้งาน แต่ยังไม่มีความรู้ว่าจะเอาแบบไหนหรือรุ่นไหนดี อีกทั้งราคาของกล้องประเภทนี้ก็มีราคาสูงอีกด้วย กล้องอินฟาเรดนั้นมีหลากหลายรูปแบบการใช้งาน ตั้งแต่เป็นกล้องวงจรปิด ไปจนถึงกล้องอินฟาเรดที่จับความร้อนได้ หรือแม้กระทั่งวัดความร้อนจากวัตถุได้ ดังนั้นการเลือกซื้อกล้องอินฟาเรดนั้นผู้ใช้จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนซื้อ เพราะหากซื้อไปแล้วไม่ได้ใช้งานตามแบบวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ก็จะไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่

กล้องอินฟาเรดที่นิยมใช้ในปัจจุบัน จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทการใช้งานหลัก คือ

กล้องอินฟาเรดแบบกล้องวงจรปิด

การใช้งานก็จะต้องติดกล้องอินฟาเรดไว้กับที่ หากเป็นกล้องวงจรปิดอินฟาเรดราคาถูก ก็จะต้องเสียบปลั้กไฟบ้านเพื่อจ่ายไฟให้ตัวกล้องด้วย กล้องอินฟาเรดประเภทนี้จะสามารถดูได้ทั้งกลางวันซึ่งแสดงเป็นสีปกติ และกลางคืนที่จะเป็นอินฟาเรดแสดงภาพแบบขาวดำ หากต้อการเพียงแค่กล้องไว้เฝ้าระวังตอนกลางคืน กล้องอินฟาเรดประเภทนี้จะราคาถูกที่สุด

กล้องอินฟาเรดส่องกลางคืนแบบพกพา (ขาว/ดำ/เขียว)

กล้องอินฟาเรดประเภทนี้จะนิยมในหมู่คนที่กำลังเริ่มอยากได้กล้องอินฟาเรดไว้ใช้งาน โดยที่ยังไม่รู้เลยว่ากล้องอินฟาเรดประเภทนี้นั้นพอใช้งานเข้าจริงๆ อาจไม่ดีเท่าที่คิดไว้ เพราะเนื่องจากภาพที่ไม่ละเอียดพอ และแต่ละร้านค้าออนลายก็อวยกันเสียเหลือเกินว่าชัดจริงๆๆ แต่พอใช้งานจริงกลับไม่ได้เป็นอย่างที่โฆษณาไว้ เพราะ Sport Camera ได้นำกล้องอินฟาเรดประเภทนี้มาจำหน่าย โดยชูคำว่า กล้องส่องทางไกลอินฟาเรด ประสบการณ์ทำให้เรารู้ว่ากล้องอินฟาเรดประเภทนี้ หากราคาถูกๆหลักพัน จะใช้งานจริงได้เพียงแค่ไม่เกิน 30 เมตรเท่านั้นในเวลากลางคืน และเวลาใช้งานจริงจะทำให้เกิดอาการตาพร่ามือและเสียสายตาได้ง่ายๆ ดังนั้นหากผู้ที่ต้องการกล้องอินฟาเรดแบบพกพาประเภทนี้ ควรศึกษาการใช้งานและคุณสมบัติให้ดีก่อนเลือกซื้อ เพราะคุณอาจผิดหวังในสิ่งที่คุณได้

กล้องอินฟาเรดตรวจจับความร้อน

กล้องอินฟาเรดประเภทนี้จะทำงานได้ดีที่สุดมากกว่ากล้องอินฟาเรดประเภทอื่นๆ เพราะมีความคมชัด แสดงภาพในเวลากลางคืนได้อย่างชัดเจนที่สุด สามารถมองทะลุ ต้นไม้ใบหญ้า ทะลุเสื้อผ้า ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีหลากหลายการใช้งานให้เลือกอีกด้วย ตั้งแต่กล้องอินฟาเรดสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงกล้องอินฟาเรดแบบตรวจวัดอุณหภูมิได้แบบ Real Time แต่เนื่องจากกล้องประเภทนี้มีราคาสูงที่สุด จึงทำให้ผู้ที่ต้องการเริ่มเล่นกล้องอินฟาเรดนั้นเอื้มไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตาม การซื้อกล้องอินฟาเรดราคาถูกนั้นก็เหมือนเสียเงินไปฟรีๆ ผู้เลือกซื้อควรศึกษารายละเอียดอย่างครบถ้วนก่อนสั่งซื้อ

5 อันดับกล้องอินฟาเรดยอดฮิตในปี 2565

1. กล้องอินฟาเรดส่องกลางคืน NV3180

รายละเอียดกล้อง

กำลังขยาย 4 เท่า
ระยะมองเห็นในที่มืด 200 เมตร
หน้าจอขนาด 2.31 นิ้ว
รองรับเม็มโมรี่การ์ด 32 GB
ถ่ายภาพนิ่งและวีดิโอได้ในตัว
ปรับระดับความสว่าง 7 ระดับ
เชื่อมต่อกับ PC หรืออุปกรณ์ภายนอกได้
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sportcamera-thailand.com/p/261

ที่กล้องรุ่นนี้เป็นที่นิยมเพราะมีราคาถูก และใช้งานได้ง่าย ด้วยลักษณะการใช้งานที่ไม่ต้องสอดตาเข้าไปดูภาพโดยตรง จึงทำให้สามารถใช้งานได้นานกว่ากล้องอินฟาเรดแบบต้องสอดตาเข้าไปดูโดยตรง เพราะจะทำให้แสบตาและเกิดอาการตาพร่ามัวได้ง่ายๆ อาจทำให้สายตาเสียได้ แต่เนื่องกล้องรุ่นนี้ราคาถูกจึงไม่มีอะไรหวือหวาเหมือกล้องราคาแพงทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามกล้องอินฟาเรดรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ยอดฮิตที่ลูกค้าทั่วประเทศถามถึงมากที่สุด

2. กล้องอินฟาเรดจับความร้อน รุ่น HKLE10

รายละเอียดกล้อง

กำลังขยายสูงสุด 8 เท่า
หน้าจอละเอียด 256*192
สเปกตรัม 12 UM
ใช้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
เชื่อมต่อกับมือถือด้วยระบบ WIFI
น้ำหนักเบา 260 กรัม
ระบบกันน้ำ IPX66
บันทึกภาพและวีดิโอได้ต่อเนื่อง
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sportcamera-thailand.com/p/351

กล้องอินฟาเรดรุ่นนี้เป็นแบบตรวจจับความร้อนได้ในตัวและแถมยังเป็น IR ได้อีกด้วย ระยะการใช้งานได้ในที่มืดไม่เกิน 300 เมตร แต่จะมองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนมากด้วยระบบอินฟาเรดที่ให้มากับตัวกล้องรุ่นนี้ สามารถมองทะลุสิ่งกีดขวางได้อย่างง่ายๆ เช่นในป่า หรือในแม่น้ำ ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดาจึงมาพร้อมกับราคาที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่ถ้าลองมาเปรียบเทียบกับคุณสมบัติที่ได้มาแล้วนั้น ถือว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนมากๆ

3. กล้องอินฟาเรดติดมือถือ รุ่น SKYEYE T2

รายละเอียดกล้อง

ระยะมองเห็น 870 เมตร
สเปกตรัม 12 UM / 17UM
มีโมตล็อคเป้าหมายแบบไดนามิก
อัลกอลิทึ่มภาพแบบ MATRIXIII
เลเซอร์เล็งเป้าหมาย
ใช้กับมือถือแบบ USB type C
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sportcamera-thailand.com/p/352

เป็นกล้องอินฟาเรดติดมือถือยุคใหม่ที่พัฒนามาจากกล้องอินฟาเรดแบบดั้งเดิม คือ นำไปติดกับมือถือเพื่อให้งานกล้องมือถือธรรมดาให้เป็นกล้องอินฟาเรดจับความร้อนได้ในตัว และด้วยฟังก์ชั่นการใช้งาน และ ความละเอียดภาพที่ได้รับทำให้กล้องรุ่นนี้ขายดีไปทั่วโลกเลยทีเดียว เดิมทีกล้องอินฟาเรดติดมือถือประเภทนี้จะเป็นเพียงแบบตรวจจับความร้อนจำพวกกล้องที่ซ่อนอยู่ในโรงแรม หรือ เครื่องดักฟังต่างงๆในห้องส่วนตัว ซึ่งภาพจะเห็นเพียงแค่จุดแดงๆ ตามที่มีความร้อนบริเวณนั้น แต่กล้องอินฟาเรดมือถือรุ่นนี้พัฒนามาให้นักสำรวจได้ใช้กันอย่างจุใจคุ้มค่าที่สุด

4. กล้องอินฟาเรดจับความร้อน รุ่น TD210

รายละเอียดกล้อง

ระยะมองเห็น 600 เมตร
เลเซอร์ระบุเป้าหมาย 200 เมตร
ช่องมองภาพความละเอียดสูง LCOS 1280*960
เชื่อมต่อมือถือได้ด้วยระบบ WIFI
Boot เครื่องภายใน 2 วินาที
ใช้งานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
กันน้ำด้วยมาตรฐาน IPX66
บันทึกภาพและวีดิโอได้ในตัว
ปรับโทนสีของอินฟาเรดจับความร้อนได้
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sportcamera-thailand.com/p/353

กล้องอินฟาเรดรุ่นนี้เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ เพราะด้วยรูปทรงที่ใช้งานง่าย พกพาสะดวก และยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่แพ้กล้องอินฟาเรดรุ่นอื่นๆเลย ยกตัวอย่างเช่น สามารถทภาพซ้อนภาพได้ในการดูในจอเดียวกัน สามารถปรับแสงอินฟาเรดได้ มีเลเซอร์ระบุเป้าหมายในตัว และด้วยความคมชัดที่สุดบนช่องมองภาพ ทำให้ผู้ใช้งานได้เห็นภาพอินฟาเรดที่ชัดเจนแบบ REAL TIME ซึ่งแตกต่างจากกล้องอินฟาเรดประเภทอื่นซึ่งมองในจอจะไม่ละเอียดเท่าที่ควรจะเป็น มาในราคาที่อยู่ระดับกลาง ทำให้กล้องรุ่นนี้ติดอันดับกล้องอินฟาเรดยอดฮิตในปีนี้

5. กล้องส่องทางไกลอินฟาเรดทหาร รุ่น DEF30

รายละเอียดกล้อง

ขนาดเลนส์ 60 มม.
สารเคลือบเลนส์ FMC ความคมชัดพิเศษ
ระยะหวังผล 4 - 350 เมตร
บันทึกภาพและวิดีโอได้ในตัว
ความละเอียดภาพ 1080 P
รองรับระบบ WIFI
กำลังขยาย 3.9 เท่า ซูมดิจิตอล 2 เท่า
ใช้งานต่อเนื่อง 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
แบตเตอรี่ LG 18650 2 ก้อน
น้ำหนัก 1060 กรัม
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.sportcamera-thailand.com/p/350

สำหรับผู้ที่มองหากล้องเพื่อล่าสัตว์หรือเป็นกล้องอินฟาเรดสำหรับทหาร กล้องส่องทางไกลอินฟาเรดรุ่นนี้เหมาะที่สุด เพราะมีความทนทานและมีความละเอียดสูง และรองรับหน่วยความจำได้ถึง 128 GB กล้องรุ่นนี้ไม่ใช่กล้องอินฟาเรดแบบจับความร้อน เป็นกล้องอินฟาเรด IR ที่ทำให้ภาพละเอียดขึ้นกว่ารุ่นอื่นๆ มีตัวบอกระยะในตัว รองรับระบบ wifi เพื่อเชื่อมต่อมือถือได้อีกด้วย จึงเป็นกล้องอินฟาเรดแบบล่าสัตว์เพียงรุ่นเดียวที่ติดอันดับในปีนี้

กลับสู่หน้าแรก : https://www.sportcamera-thailand.com/c/11